วิธีการทำงาน
ทำไมต้องเป็น DHL ด้วย
เครือข่ายของเรา
Jockey แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอนชั้นนำที่เป็นธุรกิจครอบครัวและก่อตั้งเมื่อปี 1876 ได้ผ่านช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลตลอดหลายปีทั่วโลกและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใน 147 ประเทศทั่วโลก
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงคือระบบอี-คอมเมิร์ซแบบขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (DTC) ของธุรกิจที่เฟื่องฟูอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ภาวะการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทำให้ Jockey จำเป็นต้องจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังผู้ใช้งานตัวจริงโดยตรงมากขึ้น
สหราชอาณาจักรเป็นตลาดหลักของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรด้วยการจัดส่งผลิตภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าในยุโรป (DC) ของบริษัทที่อยู่ใกล้กรุงปราก สาธารณรัฐเช็กมีความท้าทายมากขึ้นเนื่องจากมีแรงกดดันเพิ่มเติม: Brexit ได้ทำให้ค่าอากรและค่าสินค้าที่มาจากสหภาพยุโรปและค่าระวางพุ่งสูงขึ้น
เราต้องการให้บริการลูกค้าในสหราชอาณาจักรที่จงรักภักดีและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ของเราต่อไปและยังต้องการลดค่าอากรและค่าระวางลงหลังจากเหตุการณ์ Brexit
“เราต้องการรับรองว่าเราสามารถให้บริการฐานลูกค้าในสหราชอาณาจักรที่จงรักภักดีและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ของเราต่อไปได้” คุณ Todd Bland หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการประจำทวีปยุโรปของ Jockey อธิบาย “และยังต้องการสร้างประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ให้แก่ลูกค้าอีกต่อไปด้วย เราได้ตรวจสอบเรื่องการเปิดสถานที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ของเราเองในสหราชอาณาจักรแล้ว แต่ก็แพงเกินไป” นอกจากนี้ ยอดขายอี-คอมเมิร์ซในยุโรปและสหราชอาณาจักรที่พุ่งพรวดยังอาจทำให้การดำเนินการที่กรุงปรากต้องรับแรงกดดันและภาระมากขึ้น ทีมงานของ Jockey จึงต้องการหาวิธีที่ตอบโจทย์พวกเขา และที่สำคัญไปกว่านั้น ต้องตอบโจทย์ลูกค้าที่ใช้งานจริงของพวกเขาด้วย
แต่โชคดีที่อยู่ๆ ทางออกแบบครบวงจรก็มาหาเอง “พันธมิตร DHL รายหนึ่งของเราในกรุงปรากบอกให้เราทราบเกี่ยวกับ DHL Fulfillment Network - และก็เกือบจะดูดีเกินจริง! สิ่งที่ดีที่สุดก็คือเป็นเรื่องจริง พวกเขาตอบโจทย์ความต้องการของเราได้อย่างลงตัว!” คุณ Todd กล่าว บริษัทได้ร่วมงานกับ DHL Supply Chain จนประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งก็เป็นซัพพลายเออร์ 3PL ของศูนย์กระจายสินค้าของทางแบรนด์ที่กรุงปราก
“แนวทางใหม่นี้จะทำให้เราจัดส่งสินค้าในปริมาณมากจาก DC ในกรุงปรากของเราไปยังสหราชอาณาจักรได้ จากนั้น ก็นำสินค้าไปจัดเก็บไว้ที่สถานประกอบการของ DHL Fulfillment Network ที่สหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นการถ่ายโอนสินค้าภายใน หมายความว่าจะมีการเรียกเก็บอากรจากต้นทุน สินค้าที่นำเข้าประเทศ ในสมัยก่อน ตอนที่เราจัดส่งสินค้าจากกรุงปรากไปให้ผู้บริโภคที่ใช้งานตัวจริง ก็จะมีการเรียกเก็บค่าอากรจากมูลค่าขายปลีกของสินค้า ทำให้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าตอนนี้พอสมควร”
เราต้องการวิธีที่ดีกว่านี้ - และสิ่งที่ DHL Fulfillment Network เสนอให้เราก็เกือบจะดูดีเกินจริง! แต่ก็เป็นเรื่องจริง - และตอบโจทย์ความต้องการของเราได้อย่างอยู่หมัด!
คุณ Todd กล่าวต่อมา: “DHL Fulfillment Network จัดเก็บผลิตภัณฑ์ที่จะต้องจัดส่งให้ลูกค้าในสหราชอาณาจักรไว้ในสหราชอาณาจักร จากนั้น ก็จะมีการหยิบ บรรจุและกระจายสินค้าตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าในสหราชอาณาจักรผ่านทางเว็บไซต์ jockey.co.uk ของเราจากสหราชอาณาจักร เนื่องจากสินค้าอยู่ในประเทศอยู่แล้ว จึงทำให้ค่าระวางของเรายังคงไม่แพงอีกด้วย กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมากๆ สำหรับเรา เราได้รับบริการที่รวดเร็วและน่าเชื่อถืออย่างมากจากทาง DHL ซึ่งก็ทำให้ลูกค้าที่ใช้งานจริงของเรามีความสุขและกลับมาอุดหนุนเราอีก”
Jockey เริ่มใช้บริการของ DHL ได้อย่างรวดเร็วและระบบก็พร้อมใช้งานภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน เว็บไซต์ในสหราชอาณาจักรของ Jockey ใช้ Shopify และก็ผนวกรวมระบบกับ DHL Fulfillment Network ได้อย่างสะดวก เช่นเดียวกับเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซชั้นนำอื่นๆ - ซึ่งทำให้เริ่มใช้งานได้อย่างสะดวก
เป็นคนแรกที่ทราบแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดเกี่ยวกับบริการคลังสินค้าของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ&ด้วยการสมัครรับจดหมายข่าวของเรา
“เราชอบ DHL Fulfillment Network ตรงที่เป็นระบบแบบแยกส่วนและปรับขนาดได้: เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตนเองเป็นระยะๆ ได้ เรากำลังใช้บริการสำหรับคำสั่งซื้อในสหราชอาณาจักรที่มาจากเว็บไซต์ในสหราชอาณาจักรของเรา แต่เราก็เห็นว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อช่องทางค้าส่งและตลาดในสหราชอาณาจักรและในประเทศอื่นๆ ด้วย” คุณ Todd ตั้งข้อสังเกต
ยอดขายของ Jockey ในยุโรปผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ:
10%
ก่อนช่วงโควิด
50%
ไม่กี่ปีต่อมา
ยอดขายของ Jockey ในยุโรปประมาณ 10% มาจากระบบอี-คอมเมิร์ซก่อนช่วงโควิด แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา ยอดขายจากช่องทางนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นประมาณ 50% และก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าแนวโน้มนี้จะเปลี่ยนแปลงไป
“การดำเนินการในแต่ละองค์กรไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทุกองค์กรมีเหมือนกันก็คือเราต่างเผชิญกับอนาคตแห่งการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่น่าตื่นเต้น” คุณ Todd ตั้งข้อสังเกต “ผมแนะนำให้บริษัทอื่นๆ เตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลานี้ให้ดีและรับรองว่าบริการคลังสินค้าของคุณจะพร้อมตอบโจทย์คุณ: วิเคราะห์ต้นทุน ดูตัวเลือกต่างๆ ที่มี หาตัวเลือกที่ทำให้คุณปรับขนาดเพิ่มขึ้นในช่วงขายดีและลดขนาดลงอีกครั้งได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงหาผู้บริโภคใหม่ๆ ในตลาดใหม่ๆ ได้ด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกพันธมิตรที่จะช่วยให้คุณเติบโตได้”
ลองใช้บริการเครื่องคำนวณค่าบริการคลังสินค้าของเราเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
จำลองว่าคุณจะสามารถปรับปรุงระยะเวลาจัดส่งให้มีประสิทธิภาพที่สุดได้อย่างไร
คุณสนใจใช้บริการคลังสินค้าที่ปรับขนาดได้ใช่หรือไม่
ถ้าสนใจ ก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ก-ส
ส-ห
อ-เ
เ-ไ