ผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คืออะไร?
ในช่วงไม่นานมานี้ สหรัฐฯ ได้กําหนดการเรียกเก็บภาษีหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนําเข้าจากจีน สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ รวมถึงยกเลิกข้อยกเว้น De Minimis สำหรับการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐ จากทุกประเทศทั่วโลกด้วยมาตรการทางการค้าที่ปรับเปลี่ยนอย่างกะทันหันนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs ในต่างประเทศที่ทำการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งปกติมักจะดําเนินงานด้วยอัตรากําไรที่น้อยกว่าและมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้ามักจะกำหนดให้มีผลอย่างรวดเร็ว แบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้ธุรกิจ SMEs ต้องดิ้นรนเพื่อปรับตัว ในขณะเดียวกันก็พยายามตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าในสหรัฐฯ ที่ต้องการการจัดส่งสินค้าข้ามประเทศที่รวดเร็วและเชื่อถือได้
ความตึงเครียดทางการค้าในวงกว้างทําให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางที่มีการขนส่งข้ามประเทศหนาแน่น เช่น เอเชียไปยังสหรัฐอเมริกา ซัพพลายเออร์บางรายต้องเปลี่ยนเส้นทางการจัดส่งเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางขนส่งที่แออัดหรือที่ต้องผ่านกระบวนการศุลกากรที่ซับซ้อนมากขึ้น ความล่าช้าหรือการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บภาษียังทําให้เกิดค่าธรรมเนียมพิเศษ การหักค่าสินค้า ค่าคลังสินค้า และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่ไม่คาดฝันอื่นๆ
จนบางทีเกิดเป็นคำถามกับธุรกิจ SME ว่าสรุปใครต้องเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้กันแน่ สําหรับธุรกิจเอง การแบกรับค่าใช้จ่ายนี้เองไม่ใช่สิ่งที่ธุรกิจอยากทำ แต่การผลักภาระนี้ให้กับลูกค้าเป็นคนจ่ายก็อาจทำให้ธุรกิจของพวกเขาแข่งขันได้น้อยลง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ช่วงเวลานี้ทำให้ธุรกิจเครียดและสับสันมาก แต่ก็ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะสำคัญและเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังมีขั้นตอนที่ธุรกิจ SMEs ทําได้ด้วยเช่นกัน เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น...