EORI คืออะไร? ทำไมธุรกิจอีคอมเมิร์ซต้องมี

พิธีการศุลกากรเป็นส่วนสำคัญของโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ เมื่อคุณส่งสินค้าไปยังลูกค้าของคุณทั่วโลก คุณต้องการให้สินค้านั้นถึงปลายทางตรงเวลา ไม่มีความล่าช้า การเตรียมเอกสารศุลกากรที่ถูกต้องและครบถ้วน คือส่วนสำคัญที่ทำให้สินค้านั้นจัดส่งตรงเวลา รวมไปถึงการเตรียมหมายเลข EORI ให้ถูกต้อง

หมายเลข EORI คืออะไร?

EORI คือการลงทะเบียนและการระบุตัวตนของผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจ (Economic Operators Registration and Identification) หน่วยงานศุลกากรใช้หมายเลขเหล่านี้เพื่อตรวจสอบและติดตามการจัดส่งที่เข้าและออกจากสหภาพยุโรป โดยเป็นข้อกําหนดบังคับสําหรับธุรกิจที่ต้องมีหมายเลข EORI เพื่อเคลียร์ศุลกากรในปลายทางที่มาถึง/ออกจากสหภาพยุโรป

ผู้ส่งสินค้าจำเป็นต้องมีหมายเลข EORI สำหรับการส่งออกผ่านบริการขนส่งระหว่างประเทศทั้งหมดของ DHL Express

หมายเลข EORI มีความสําคัญอย่างไร?

การดำเนินการด้านศุลกากร: หมายเลข EORI เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยื่นเอกสารศุลกากรในการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศในสหภาพยุโรป (EU) หากไม่มีหมายเลขดังกล่าว หน่วยงานศุลกากรจะไม่ดำเนินการตรวจปล่อยสินค้าของคุณ ซึ่งนําไปสู่ความล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

การติดตามและการระบุตัวตน: ช่วยให้หน่วยงานศุลกากรติดตามและะตรวจสอบการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางศุลกากรได้อย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ง่ายขึ้น: สําหรับธุรกิจที่มีการค้าระหว่างประเทศเป็นประจําหมายเลข EORI จะช่วยทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้เวลาน้อยลง

ข้อกําหนดทางกฎหมาย: สําหรับทุกธุรกิจ รวมถึงบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ทำธุรกิจกับประเทศนอกสหภาพยุโรป การมีหมายเลข EORI ถือเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย หากไม่มีหมายเลขดังกล่าว ธุรกิจของคุณอาจถูกลงโทษทางกฎหมาย

วิธีขอหมายเลข EORI

การขอหมายเลข EORI นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย คุณจะต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม (หากมี) ชื่อธุรกิจ และที่อยู่ที่จดทะเบียน

รูปแบบการสมัครจะขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ

ธุรกิจที่ตั้งในสหภาพยุโรป สามารถยื่นขอหมายเลข EORI จากศุลกากรหรือหน่วยงานด้านภาษีในประเทศในสหภาพยุโรปที่ธุรกิจของคุณจดทะเบียนอยู่

ธุรกิจที่อยู่นอกสหภาพยุโรป มีสองทางเลือก

1. สมัครหมายเลข EORI ในประเทศสมาชิก EU ใดก็ได้ เพื่อใช้ดำเนินการศุลกากรทั่วทั้งสหภาพยุโรป
2. แต่งตั้งตัวแทนที่อยู่ในสหภาพยุโรป (EU-based intermediary) เพื่อดำเนินการขอหมายเลข EORI แทน

เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ธุรกิจของคุณจะได้รับหมายเลข EORI ที่เฉพาะตัว ซึ่งจะต้องใช้ระบุในเอกสารศุลกากรทุกครั้ง

วิธีระบุหมายเลข EORI ในเอกสารศุลกากรสำหรับการจัดส่งสินค้า

สำหรับการส่งออกสินค้าผ่านบริการระหว่างประเทศของ DHL Express ทุกประเภท ผู้ส่งสินค้าจะต้องระบุหมายเลข EORI

เมื่อคุณตั้งค่าบัญชีธุรกิจของ DHL Express ผู้จัดการบัญชีเฉพาะของคุณ( Account Manager) จะขอหมายเลข EORI ของคุณและเพิ่มหมายเลขนั้นไปยังบัญชีการจัดส่งของคุณ หมายเลข EORI จะปรากฏบนใบกํากับสินค้า Proforma Invoice หรือ Commercial Invoice ซึ่งใช้เป็นเอกสารสำหรับการยื่นศุลกากร

โปรดทราบว่าข้อมูลและเอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือขาดหายไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทําให้กระบวนการด้านศุลกากรเกิดความล่าช้า เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการพิธีการศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่น การเตรียมใบกำกับสินค้าที่ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงหมายเลข EORI ด้วย
 

หมายเลข EORI ของผู้รับสำหรับผู้จัดส่งแบบ B2B

มีบางครั้งที่คุณจะต้องระบุหมายเลข EORI ของผู้รับสินค้าเพื่อใช้ในการจัดทำเอกสารด้วย หากคุณส่งสินค้าไปยังธุรกิจอื่นที่อยู่ในสหภาพยุโรป คุณจะต้องระบุหมายเลข EORI ของธุรกิจนั้นด้วย นี่คือเหตุผล:

• เป็นการระบุตัวตนของทั้งสองฝ่าย: หน่วยงานศุลกากรต้องการหมายเลข EORI ของทั้งผู้รับและผู้ส่ง เพื่อระบุฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทําธุรกรรมและติดตามการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเหมาะสม
• การปฏิบัติตามข้อกําหนดและพิธีการทางศุลกากร: การให้หมายเลข EORI ทั้งสองช่วยให้กระบวนการทางศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงต่อความล่าช้าหรือความยุ่งยาก แสดงให้เห็นว่าทั้งสองธุรกิจได้รับการจดทะเบียนและได้รับอนุญาตให้ค้าขายภายในสหภาพยุโรป
• การเก็บข้อมูลและสถิติ: หน่วยงานศุลกากรใช้หมายเลข EORI เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการค้า และการมีตัวเลขทั้งสองทําให้สามารถบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลการค้าระหว่างธุรกิจได้อย่างแม่นยํา

หากคุณส่งพัสดุที่จุดบริการของ DHL Express คุณสามารถให้หมายเลข EORI แก่เจ้าหน้าที่ที่จุดบริการของ DHL Express เพื่อกรอกในช่องหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของผู้รับ

หากคุณทำรายการเรียกเจ้าหน้าที่เข้ารับพัสดุทางออนไลน์กับ DHL Express คุณจะมีตัวเลือกในการเพิ่มหมายเลข EORI เมื่อคุณกรอกข้อมูลการจัดส่งในช่องหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของผู้รับ

การใช้ IOSS กับ DHL Express

เมื่อธุรกิจของคุณมีหมายเลข EORI แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ควรพิจารณาคือการสมัครเข้าร่วมระบบ IOSS

IOSS ย่อมาจาก Import One Stop Shop เป็นระบบการลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แบบออนไลน์ ที่ช่วยให้การชำระ VAT สำหรับสินค้าที่ขายออนไลน์ให้กับลูกค้าในสหภาพยุโรป (EU) มีความสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร

ระบบนี้ช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณสามารถ เก็บภาษี แจ้งยอด และชำระ VAT สำหรับการขายทั้งหมดใน EU ได้ในครั้งเดียว แทนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎภาษีแยกกันสำหรับแต่ละประเทศใน EU ที่คุณขายสินค้าไป

ประโยชน์ของ IOSS ได้แก่ 

• ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงสำหรับลูกค้า เมื่อพัสดุไปถึงปลายทาง
• เวลาขนส่งที่เร็วขึ้นและการผ่านศุลกากรทำได้เร็วขึ้น
• สามารถคิดภาษี VAT ตั้งแต่จุดขาย และชำระ VAT รายเดือนแบบรวมสำหรับสินค้าที่ขายไปยัง EU

คู่มือ IOSS นี้จะอธิบายว่า IOSS ทำงานอย่างไร วิธีลงทะเบียน IOSS ประเทศใดบ้างที่ใช้ระบบนี้ และคุณต้องชำระ VAT เท่าไหร่

ขยายธุรกิจของคุณในสหภาพยุโรปกับ DHL Express

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหมายเลข EORI เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการเติบโตในสหภาพยุโรป สำหรับธุรกิจใดๆ ที่นำเข้า หรือส่งออกสินค้าเพื่อการค้า เข้าหรือออกจากสหภาพยุโรป การมีหมายเลข EORI เป็นข้อกำหนดที่จำเป็น เพื่อให้สามารถผ่านพิธีการศุลกากรในประเทศที่สินค้าเดินทางเข้าหรือออกจาก EU ได้

เมื่อคุณเปิดบัญชีธุรกิจกับ DHL Express ผู้จัดการบัญชีส่วนตัวของคุณจะขอหมายเลข EORI และเพิ่มเข้าไปในบัญชีการจัดส่งของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ด้านศุลกากรที่ราบรื่นและไม่มีสะดุด และลูกค้าของคุณจะได้รับสินค้าตรงเวลาโดยไม่มีความล่าช้า