2. ปัจจัยสําคัญที่ SMEs ไทยควรพิจารณาเมื่อส่งสินค้าไปต่างประเทศ
แม้ว่าการส่งสินค้าของคุณไปยังตลาดต่างประเทศจะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจคุณอย่างมหาศาล แต่คุณต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการเพื่อให้การดําเนินงาน ราบรื่นและประสบความสําเร็จ
a. กฎระเบียบศุลกากรที่แตกต่างกัน
เมื่อทำการส่งสินค้าไปต่างประเทศคุณต้องทำความเข้าใจและคอยอัพเดทกฎระเบียบด้านการส่งออกของประเทศไทยและกฎระเบียบการนําเข้าของประเทศเป้าหมายของคุณ คุณต้องทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารทั้งหมดที่ผู้จัดส่งและศุลกากรของคุณกําหนด ภาษีและสินค้าที่ต้องห้ามและกำกัดสําหรับการส่งออกในประเทศไทยและนําเข้าในประเทศเป้าหมายของคุณ
เอกสารประกอบ
ก่อนที่จะส่งมอบสินค้าของคุณให้กับพันธมิตรด้านการจัดส่งระหว่างประเทศเพื่อทำการส่งออก คุณต้องมีเอกสารประกอบเพื่อให้พัสดุของคุณส่งไปยังปลายทางได้ เอกสารประกอบเหล่านี้รวมถึงใบนำส่งสินค้า ใบกำกับศุลกากร และใบอนุญาตจากหน่วยงานออกบัตรที่เกี่ยวข้องหากคุณมีการส่งออกสินค้าต้องกำกัด
ใบนำส่งสินค้า (Transport label) ประกอบด้วยข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ให้บริการในการจัดส่งของคุณจําเป็นต้องใช้เพื่อจัดส่งพัสดุของคุณไปยังผู้รับในต่างประเทศ รายละเอียดที่จําเป็นในใบนำส่งสินค้าของคุณต้องมีที่อยู่ของบริษัทคุณ ที่อยู่และข้อมูลติดต่อของผู้รับปลายทาง คําอธิบายโดยละเอียดของสินค้าในชิปเมนต์ จํานวนพัสดุหรือจำนวนชิ้นของชิปเมนต์ รวมไปถึงน้ำหนักรวมและขนาดของพัสดุของคุณ
ในทางกลับกัน ใบกำกับศุลกากร (Customs Invoices) ใช้เพื่อสำแดงข้อมูลที่จําเป็นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดําเนินพิธีการศุลกากร ใบกำกับศุลกากร มี 2 ประเภท ได้แก่ ใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Invoices) ซึ่งใช้เมื่อสินค้าเพื่อการส่งออกเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรม และใบแจ้งราคา (Proforma Invoices) ซึ่งใช้สําหรับสินค้าที่เป็นของขวัญหรือการส่งคืนสินค้า ข้อมูลที่คุณระบุในใบกำกับศุลกากรของคุณจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ระบุหน้าที่และงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินความเสี่ยงและขั้นตอนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลบางอย่างอาจจำเป็นต้องระบุ แต่ไม่จํากัดเฉพาะที่อยู่ของธุรกิจของคุณ ที่อยู่ของผู้รับ รายละเอียดต้นทุนการทําธุรกรรมและเหตุผลในการส่งออก
เอกสารที่จําเป็นสําหรับกระบวนการนําเข้าจะขึ้นอยู่กับประเทศเป้าหมาย ตัวอย่างเช่นหากคุณส่งออกไปยังประเทศจีน พวกเขาต้องการเอกสารพิเศษเพิ่มเติมรวมถึงใบรับรองโควต้าการนําเข้า ใบอนุญาตนําเข้า ใบรับรองการตรวจสอบและใบอนุญาตด้านความปลอดภัยหรือคุณภาพอื่น ๆ
ภาษีและภาษีศุลกาการ
เมื่อสินค้าถึงศุลกากร ของประเทศเป้าหมายสินค้าจะต้องเสียอากร ซึ่งเป็นภาษีหรือภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าเมื่อขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ อัตราภาษีของสินค้าถูกกําหนดโดยพิกัดรหัสสถิติ (commodity code) ที่ระบุอยู่ในเอกสารการจัดส่ง ใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ และรายการบรรจุภัณฑ์
พิกัดรหัสสถิติ (commodity code) นี้อ้างอิงจาก Harmonised System Code (HS) หรือ ASEAN Harmonised Tariff Nomenclature (AHTN) HS เป็นรหัสสินค้าหกหลักสําหรับสินค้าที่เขียนโดยองค์การศุลกากรโลก (WCO) ซึ่งใช้จําแนกผลิตภัณฑ์ตามการใช้งาน ฟังก์ชัน และการวัด รหัสนี้จะถูกใช้เมื่อคุณส่งออกสินค้าไปยังประเทศนอกกลุ่มอาเซียน หากคุณกําลังส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียนคุณต้องใช้ AHTN ซึ่งใช้รหัสแปดหลักแทนหกหลัก
เมื่อทำการระบุรหัสสินค้าสิ่งสําคัญคือต้องคํานึงถึงการใช้รหัส HS หรือ AHTN ที่ถูกต้อง หากมีการทับซ้อนกันในการจัดประเภทรหัส อันเนื่องมาจากการที่สินค้าของคุณสามารถใช้ได้กับรหัสทั้งสองแบบ ให้เลือกรหัสที่ใกล้เคียงที่สุด ต้อวจำไว้ว่าการใช้รหัสสินค้าที่ไม่ถูกต้องสําหรับสินค้าของคุณอาจส่งผลให้มีการคํานวณภาษีศุลกากรผิดพลาดหรือแม้แต่การปฏิเสธการนำสินค้าเข้าไปยังประเทศเป้าหมาย
โดยปกติแล้วผู้รับหรือลูกค้าจะชําระภาษีศุลกากรและภาษี เนื่องจากศุลกากรเรียกเก็บในประเทศปลายทาง ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจของคุณจึงต้องคํานึงถึงสิ่งนี้ในการกําหนดราคาสําหรับสินค้าของคุณด้วย
สิ่งของต้องห้ามและของต้องกำกัด
แต่ละประเทศมีรายการสิ่งของต้องห้ามของตนเองที่ไม่สามารถจัดส่งได้และสินค้าต้องกำกัด ซึ่งอาจต้องมีการประเมินอย่างละเอียดโดยหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตต่างๆ ดังนั้นคุณควรต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าต้องกำกัดและต้องห้ามสำหรับส่งออกจากประเทศไทยและนําเข้าไปยังประเทศปลายทางของคุณ
โดยเฉพาะประเทศไทยจํากัดการส่งออกพืชและชิ้นส่วนของพืช อาหาร ยา และเครื่องสําอาง เป็นต้น คุณจะต้องใช้เอกสารที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตเพื่อให้สินค้าของคุณจัดส่งไปต่างประเทศ หากสินค้าของคุณอยู่ในหมวดหมู่สินค้าต้องกำกัด ตัวอย่างเช่นหากคุณส่งออกอาหาร ยาและเครื่องสําอาง คุณต้องมีใบอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย หรือในหากเป็นพืชและชิ้นส่วนของพืชคุณต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้สิ่งของที่คุณห้ามส่งออก ได้แก่ ยาเสพติด วัตถุลามกอนาจาร สินค้าเครื่องหมายการค้าปลอม และสัตว์สงวนหรือสัตว์ป่าที่ขึ้นทะเบียน CITES
ในประเทศส่วนใหญ่มีข้อจํากัดในการนําเข้าโบราณวัตถุและงานศิลปะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นาฬิกาและเครื่องประดับ รวมถึงเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึก ในทางกลับกันสิ่งของต้องห้ามที่พบบ่อยที่สุดสําหรับการนําเข้าได้แก่เงิน สัตว์ สินค้าลอกเลียนแบบ วัสดุอันตรายและวัตถุลามกอนาจาร
b. บรรจุภัณฑ์ที่ดีสำหรับสินค้าประเภทต่างๆ ในการจัดส่ง
บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสําคัญในการจัดส่งสินค้าของคุณให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย สินค้าแต่ละชนิดจำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์เฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง ตัวอย่างเช่น สิ่งของและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แตกหักง่ายจําเป็นต้องมีวัสดุที่ช่วยรองรับแรงกระแทกและการป้องกันที่เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการแตกหัก ด้วยเหตุนี้ คุณจะต้องใช้แผ่นกันกระแทก แผ่นโฟม หรือเม็ดโฟมกันกระแทกเพื่อป้องกันรอบๆ สินค้าก่อนวางลงในกล่องที่มีความแข็งแรง คุณต้องติดป้ายกํากับบรรจุภัณฑ์ว่า "ระวังแตก (Fragile)" เพื่อแจ้งเตือนผู้ที่ทำการขนส่งและเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณจะปลอดภัยระหว่างการจัดส่ง
หากคุณกําลังส่งออกขนมขบเคี้ยวหรืออาหารแห้ง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า สินค้าถูกบรรจุในถุงพลาสติกที่เป็นฟู้ดเกรด (Food Grade) หรือวัสดุบรรจุภัณฑ์ อื่น ๆ ที่ทนการขนส่ง และต้องใช้วัสดุกันกระแทกที่เหมาะสมเช่น แผ่นกันกระแทกหรือกระดาษกันกระแทกเมื่อทำการรรจุลงกล่อง
เมื่อจัดส่งเสื้อผ้าไปต่างประเทศ ให้บรรจุอย่างเรียบร้อยในถุงพลาสติกหรือห่อโพลีเอทิลีนแบบใสเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ฝุ่น และความชื้น วางสินค้าในกล่องกระดาษลูกฟูกหรือซอง อย่าลืมปิดผนึกบรรจุภันฑ์และติดฉลากให้เรียบร้อบ
c. เครื่องมือในการจัดส่ง
เวลาในการจัดส่งเป็นสิ่งสําคัญสําหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณต้องเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการขนส่งที่มีการใช้เครื่องมือและโซลูชันการจัดส่งล่าสุดที่สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและปรับปรุงกระบวนการของคุณ ผู้ให้บริการขนส่งควรมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายที่คุณสามารถใช้เพื่อจัดกาชิปเมนต์ ติดตามพัสดุของคุณและรับข้อมูลเชิงลึกในการจัดส่งได้ทันที ผู้ให้บริการต้องมีตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อในการส่งสินค้าให้กับลูกค้าของคุณได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเป็นพันธมิตรกับบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่สามารถจัดหาเครื่องมือและโซลูชันเหล่านี้ให้คุณได้ จะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง มีเวลาสำหรับดูแลธุรกิจของคุณ และสามารถสร้างความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้นในระยะยาว
ขยายธุรกิจขนาดเล็กของคุณด้วยการจัดส่งไปต่างประเทศกับ DHL Express
การเลือกพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมมีความสําคัญต่อความสําเร็จในการทำการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นหากคุณวางแผนที่จะขยายธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางของคุณไปทั่วโลก คุณควรเลือกผู้ให้บริการจัดส่งที่เชื่อถือได้เช่น DHL Express ด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางและความสามารถในการจัดส่งขั้นสูงของเรา เรารับประกันบริการที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้เพื่อส่งมอบสินค้าของคุณไปยังลูกค้าของคุณในต่างประเทศ ความเชี่ยวชาญของเราในการขนส่งระหว่างประเทศจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงเครื่องมือและโซลูชันที่ไม่เหมือนใคร ช่วยให้คุณปรับปรุงการดําเนินงานด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เราครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลกและให้ราคาที่คุณต้องการ ที่จะเป็นเส้นทางไปสู่ความสำเร็จสําหรับ SME ของคุณในประเทศไทยอย่างแน่นอน
เปิดบัญชีธุรกิจดีเอชแอลวันนี้ และเริ่มขยายธุรกิจของคุณด้วยการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ