ลงทุนมากกว่า 100 ล้านยูโรเพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024
ปรับใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777F ใหม่จํานวน 8 ลําเป็นระยะเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษต่ำอย่างต่อเนื่อง
ยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกยังคงเป็นแรงผลักดันให้ปริมาณชิปเมนต์เพิ่มขึ้นในช่วงพีคซีซั่นนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณชิปเมนต์ B2B จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
จอห์น เพียร์สัน ซีอีโอของ DHL Express กล่าวว่า "เราคาดว่าความต้องการบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างดีในไตรมาสที่ 4 และบริษัทกําลังทำลงทุนในด้านที่จําเป็นเพื่อให้ลูกค้าของเราประสบความสําเร็จ"
DHL Express ผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศชั้นนําของโลก ประกาศเพิ่มการลงทุนด้านการขนส่งและความสามารถในการจัดการชิปเมนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงพีคซีซั่นสิ้นปีนี้ โดย DHL Express จะลงทุนกว่า 100 ล้านยูโรเพื่อเพิ่มพื้นที่ขนส่งและความสามารถในการจัดการการขนส่งในไตรมาสที่ 4 เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้า DHL Express จะปรับปรุงฝูงเครื่องบินขนส่งสินค้าให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มใช้งานเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777F ใหม่จํานวน 8 ลํา อีคอมเมิร์ซคาดว่าจะเติบโต 8.8% ในปี 2024 และอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะยังคงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเติบโตของปริมาณชิปเมนต์ ในขณะที่ปริมาณชิปเมนต์แบบ B2B กําลังค่อยๆ ฟื้นตัว แม้จะมีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องในเศรษฐกิจโลกโดยรวม แต่ DHL Express จะเพิ่มพื้นที่ขนส่งทางอากาศและขยายเครือข่ายการคัดแยกและจัดส่งพัสดุระหว่างประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะประสบความสําเร็จ
"DHL Express มุ่งมั่นที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งในช่วงพีคซีซั่นเพื่อลูกค้าของเรา ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สําคัญทางการค้าและมีความท้าทายในการดําเนินงานมากที่สุดสําหรับลูกค้าของเราหลายราย" จอห์น เพียร์สัน ซีอีโอของ DHL Express กล่าว "เครือข่ายการส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ยืดหยุ่นของเรา พร้อมด้วยบริการคุณภาพสูง และมีพื้นที่ขนส่งสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ เสริมด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้พวกเขาปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้ารับสินค้าและการจัดส่งไมล์สุดท้าย อย่างไรก็ตาม ด้วยความผันผวนอย่างต่อเนื่องในตลาดการขนส่งสินค้าทั่วโลกและปริมาณชิปเมนต์จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เราคาดการณ์ว่าความต้องการด้านบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศจะพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่ 4 เรากำลังลงทุนในด้านที่จําเป็น เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของเครือข่ายการขนส่งทั่วโลกของเราและทําให้ลูกค้าของเราประสบความสําเร็จอย่างสูงสุดในช่วงปีที่ยากลําบากในปีนี้"
การลงทุนของ DHL ในด้านการเพิ่มพื้นที่การขนส่งทางอากาศในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 รวมถึงการเปิดตัวเครื่องบินลำตัวกว้างขนาดใหญ่ และขนาดกลางเพิ่มเติม และเที่ยวบินเสริมจากเครื่องบินเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะในเส้นทางข้ามทวีป DHL Express คาดการณ์ว่าจะเห็นปริมาณชิปเมนต์ที่เพิ่มขึ้นมากจากเส้นทางออกจากประเทศจีนไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลกในช่วงพีคซีซั่นที่กําลังจะมาถึง
DHL Express จะลงทุนโดยการเพิ่มเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777F ใหม่จํานวน 8 ลํา ในเส้นทางข้ามแปซิฟิกและข้ามทวีประหว่างเอเชียและยุโรป เพื่อเพิ่มขีดพื้นที่ขนส่งสินค้าทางอากาศในเส้นทางการค้าสำคัญนี้ และเดินหน้าตามแผนเดิมของ DHL ไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษต่ำ ด้วยการใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น บริษัทยังได้ลงทุนในการเพิ่มความสามารถด้านการจัดการและคัดแยกสินค้าเพิ่มขึ้นในเครือข่ายภาคพื้นดิน รวมถึงศูนย์หรืออาคารที่เกี่ยวข้องกับการบิน เช่นในโคเปนเฮเกน โคโลญ ปารีส แอตแลนตา บรัสเซลส์ และอีสต์มิดแลนด์ (สหราชอาณาจักร) เพื่อให้มีตารางการบินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่มีความต้องการใช้บริการขนส่งทางอากาศสูง หรือในช่วงที่เกิดการหยุดชะงักด้านซัพพลายเชน
นอกเหนือจากการลงทุนด้านการเพิ่มพื้นที่ขนส่งสินค้ทางอากาศข้ามประเทศแล้ว DHL Express ยังคงให้ความสําคัญกับความมุ่งมั่นในระยะยาวในการให้บริการขนส่งที่ลดการปล่อยมลพิษ นอกเหนือจากความพยายามในการเปลี่ยนฝูงบินขนส่งสินค้าทั่วโลก และการออกแบบอาคารใหม่ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว DHL Express ยังเป็นผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศของโลกรายแรกที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CHG) ผ่านการใช้บริการ DHL GoGreen Plus ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น World Energy และ Neste โดยเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนหรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel) ถูกนํามาใช้กับเครื่องบินขนส่งสินค้าของ DHL Express ตามสัดส่วนที่กำหนดเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ SAF จะเป็นไปตามแนวทางที่เรียกว่า "Book and Claim" และจะมีการส่งประกาศนียบัตรให้ลูกค้าเพื่อเป็นเอกสารรับรองปริมาณคาร์บอน (ขอบเขต 3) ที่สามารถลดได้
นอกเหนือจากปริมาณชิปเมนต์แบบ B2B ที่ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง DHL Express คาดการณ์ว่าอีคอมเมิร์ซจะยังคงเป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของปริมาณชิปเมนต์ที่ขนส่งข้ามทวีประหว่างเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกา แม้ว่าตัวเลขจะปรับลงมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ แต่ยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคาดว่าจะเติบโต 8.8% ในปี 2024 และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามส่วนแบ่งของยอดค้าปลีกทั้งหมด1 อีคอมเมิร์ซยังคงเป็นภาคส่วนที่สําคัญและกําลังเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความท้าทายในปัจจุบัน เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และอุปสรรคทางการค้าได้นําไปสู่ความจําเป็นในการจัดระเบียบซัพพลายเชนใหม่ แต่อีคอมเมิร์ซก็ยังมีบทบาทที่เติบโต
1 ที่มา: eMarketer