#เกี่ยวกับDhl

DHL Express จับมือสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เพิ่มเน็ตเวิร์คการบินขนส่งระหว่างภูมิภาค

facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
 DHL Express จับมือสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เพิ่มเน็ตเวิร์คการบินขนส่งระหว่างภูมิภาค

DHL Express และ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ลงนามสัญญาขยายความร่วมมือการขนส่งทางอากาศ ข้อตกลงครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของ DHL Express ในการขยายเครือข่ายการขนส่งทางอากาศข้ามทวีป

  • DHL Express จะนำเครื่องบิน Boeing 777 จำนวน 5 ลำ มาใช้ในการขนส่งร่วมกับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ผ่านการลงนามสัญญาการปฏิบัติงานการบินและการซ่อมบำรุง (Crew and Maintenance agreement)
  • เครื่องบิน 2 ลำแรก จะส่งมอบในเดือนกรกฎาคม และตุลาคม 2565
  • เคน ลี กล่าว “สัญญาฉบับใหม่นี้จะการันตีความสามารถในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญๆ ของเราจากสิงคโปร์”
  • ลี ลิค ซิน กล่าว “การปฏิบัติการขนส่งทางอากาศครั้งใหม่จะช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว”

DHL Express ลงนามสัญญาการปฏิบัติงานการบินและการซ่อมบำรุง (Crew and Maintenance agreement - CM) ร่วมกับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (SIA) เพื่อนำเครื่องบิน Boeing 777 จำนวน 5 ลำ มาใช้ในการขนส่งสินค้าทางอากาศ การทำสัญญานี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของ DHL Express ในการขยายเครือข่ายการขนส่งทางอากาศข้ามทวีป เพื่อตอบสนองอุปสงค์ของตลาดการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

“การนำเครื่อง Boeing 777 มาใช้ขนส่งทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกห้าลำ จะทำให้เราสามารถขยายเครือข่ายการขนส่งด่วนระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับอเมริกาได้ สิ่งที่ตามมาภายหลังโรคระบาดก็คือเรามองเห็นโอกาสการเติบโตอย่างเข้มแข็งในเส้นทางการค้าผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยการร่วมมือกับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เราเห็นโอกาสดีในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับพาร์ทเนอร์ระยะยาว ซึ่งมีค่านิยมแบบเดียวกันกับเรา และมีการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานสูง” ทราวิส ค็อบบ์ EVP Global Network Operations and Aviation ของ DHL Express กล่าว

ฝูงบินใหม่จะช่วยสนับสนุนความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างประเทศของ DHL Express กับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส โดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่ท่าอากาศยานชางกี ประเทศสิงคโปร์ และจะขนส่งสินค้าให้กับฮับเอเชียใต้ของ DHL Express เครื่องบินทั้งห้าลำจะปฏิบัติการบินโดยนักบินของสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส บนเส้นทางบินสู่สหรัฐอเมริกาผ่านจุดต่างๆ ในเอเชียเหนือ โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส จะทำหน้าที่ดูแลการซ่อมบำรุงเครื่องบินด้วย

ข้อตกลงเริ่มแรกนี้ครอบคลุมระยะเวลากว่าสี่ปีและสามารถขยายอายุสัญญาได้ โดยส่วนหนึ่งของสัญญาระบุว่าจะมีการส่งมอบเครื่องบินลำแรกในเดือนกรกฎาคม 2565 และลำที่สองในเดือนตุลาคม 2565 ส่วนที่เหลืออีกสามลำจะส่งมอบภายในปี 2566

ลี ลิค ซิน Executive Vice President Commercial สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กล่าวว่า “สัญญาในวันนี้ทำขึ้นบนความร่วมมือที่มีมายาวนานระหว่างสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กับ DHL Express และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การขนส่งทั่วโลกด้วยเครื่องบินใหม่จะช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกเหนือไปจากภาคธุรกิจหลักอื่นๆ ที่ให้ความวางใจใช้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศของ DHL Express การทำสัญญาครั้งนี้ยังเป็นการวางรากฐานให้กับความร่วมมือระหว่างสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กับ DHL Express สามารถขยายได้อีกในอนาคต การที่เครื่องบินเหล่านี้มีฐานที่มั่นอยู่ที่ท่าอากาศยานชางกี ยังจะช่วยตอกย้ำสถานะของสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นศูนย์ขนส่งสินค้าทางอากาศที่สำคัญและลอจิสติกส์ฮับสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตและพัฒนาประเทศด้วย”

“สัญญาฉบับใหม่นี้จะช่วยการันตีความสามารถด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศจากสิงคโปร์ในเส้นทางที่สำคัญๆ ขณะที่เราเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” เคน ลี ซีอีโอ ของ DHL Express เอเชียแปซิฟิก เน้นย้ำ “ฝูงบินใหม่จะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นสามารถขยายเส้นทางใหม่ๆ ได้มากขึ้น และเป็นการใช้เครื่องบินของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเวลาที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ หรืออุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน”


DHL Express ลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดรับกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการขนส่งระหว่างประเทศที่ต้องแข่งกับเวลา ปัจจุบัน DHL Express มีเครื่องบินมากกว่า 320 ลำ ให้บริการขนส่งทั่วโลกครอบคลุมจุดหมายปลายทาง 220 ประเทศ ฝูงบิน Boeing 777 ใหม่ เป็นฝูงบินขนส่งสินค้าแบบสองเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด บินเป็นระยะทางไกลที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของ DHL โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 18% เมื่อเทียบกับการใช้เครื่อง B747-400s แบบเดิม

ปัจจุบัน แผนกคาร์โก้ของสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส มีเครือข่ายการปฏิบัติงานในจุดหมายปลายทางต่างๆ กว่า 90 แห่ง โดยใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าร่วมกับการบรรทุกสินค้าใต้ท้องเครื่องบินโดยสาร (belly-hold) ของสายการบินสกู๊ต (Scoot) และสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เมื่อเร็วๆ นี้ สายการบินยังได้สั่งเครื่องบิน Airbus A350F เพิ่ม เพื่อใช้ในโปรแกรมต่ออายุฝูงบิน สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ยังคงลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้า โดยได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ​ อาหารสด และยารักษาโรค