ข้อควรรู้ก่อนส่งของไปฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดย ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ขนส่งด่วนระหว่างประเทศ

ข้อควรรู้ก่อนส่งของไปฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

รู้หรือไม่! นอกจากประเทศจีนแล้ว 3 จุดหมายปลายทางในเอเชียที่คนไทยส่งของไปมากที่สุด คือ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์! เพื่อให้การส่งของไปต่างประเทศของคุณราบรื่น รวดเร็ว ไร้รอยสะดุด DHL Express ผู้นำด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ ขอหยิบยกข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าต้องกำกัดบางรายการสำหรับส่งไปประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์และฮ่องกง มาเป็นตัวอย่างให้ทราบว่า แต่ละประเทศมีข้อกำหนดเรื่องการนำเข้าสินค้าที่ไม่เหมือนกัน ในฐานะผู้ส่งของไปต่างประเทศ เราจึงควรศึกษาเงื่อนไขนี้ให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการจัดส่ง 

ก่อนจะไปดูคำแนะนำบางส่วนสำหรับส่งของไปแต่ละประเทศ ขอบอกก่อนว่า ข้อมูลนี้อัปเดทล่าสุด ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามดุลยพินิจของหน่วยงานด้านศุลกากรของแต่ละประเทศ ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบันที่สุด แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ DHL Express เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขการจัดส่งไปต่างประเทศก่อนทุกครั้ง 

ส่งของไปฮ่องกง

•       หนังสัตว์ เครื่องหนังสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์จากสัตว์​ ผู้ส่งต้องระบุประเภทของหนังและสินค้าอย่างชัดเจน ​(ระบุด้วยชื่อวิทยาศาสตร์ว่าทำมาจากสัตว์ชนิดใด เช่น ปลิงทะเล, แรคคูน, ไคโยตี้, กวาง, มิงค์) และต้องผ่านการตรวจสอบจากกรมการเกษตรและประมงฮ่องกง ซึ่งอาจทำให้ได้รับของช้ากว่าปกติ 6 วัน

•       หากสิ่งของนั้นเป็นชิ้นส่วนของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตามสนธิสัญญาวอชิงตัน หรืออนุสัญญาไซเตส ​(CITES) จำเป็นต้องมีใบอนุญาตนำเข้า หรือหนังสือรับรองแหล่งกำเนิด (Certificate of Origin) ด้วย เวลาส่งของอาจช้ากว่าปกติ 2 วัน ถ้ามีใบอนุญาตถูกต้อง สำหรับชิปเมนต์ที่ต้องใช้หนังสือรับรอง CITES ให้ส่งหนังสือรับรองล่วงหน้าไปที่ hkghubccstm@dhl.com

•       การนำเข้ายา วัคซีน ยาสมุนไพรจีน และยาจีนที่จดสิทธิบัตร ผู้รับจะต้องเป็นผู้ถือใบอนุญาต และต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจากกรมอนามัยของฮ่องกง เวลาส่งของอาจช้ากว่าปกติ 1-2 วัน หากขออนุญาตถูกต้อง

•       ยา วัคซีน ยาสมุนไพรจีน และยาจีนที่จดสิทธิบัตร ต้องเขียนคำอธิบายตรงช่องประเภทสินค้าว่า “วัคซีน”​ หรือ “ยา” ให้เห็นชัดเจนถัดจากชื่อแบรนด์ และ/ หรือชื่อผลิตภัณฑ์ และต้องมีใบอนุญาตนำเข้าแม้จะเป็นของใช้ส่วนตัวก็ตาม เนื่องจากฮ่องกงไม่อนุญาตให้นำเข้ายาเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล   

10 สินค้าตัวท็อปในใจคนฮ่องกง

อีคอมเมิร์ซในเอเชียกำลังบูมมาก หากคุณกำลังคิดจะส่งของไปฮ่องกงเพื่อการค้า ต้องรู้จักสินค้าและบริการ 10 ชนิด ที่คนฮ่องกงวางแผนจะซื้อในอีก 2 ปี ข้างหน้า เรียงลำดับความนิยมจากมากไปน้อย ได้แก่ สินค้าแฟชั่น สินค้าไลฟ์สไตล์ เครื่องใช้ในบ้าน/ ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล​ อาหารและเครื่องดื่ม​ ท่องเที่ยว บันเทิง ความงามและสุขภาพ อุปกรณ์กีฬา หนังสือ และสินค้าพรีเมียม เช่น นาฬิกาไฮเอนด์​ เป็นต้น

ขายอีคอมเมิร์ซต้องรู้! 11:11 รหัสไม่ลับสำหรับนักช้อปในเอเชีย

วันที่ 11 เดือน 11 หรือวันคนโสด เป็นวันสำคัญประจำปีที่นักช้อปชาวเอเชียต้องกาไว้บนปฏิทิน เพราะเป็นเทศกาลลดกระหน่ำประจำปี ที่ทุกๆ ร้านจะขนสินค้ามาลดราคาแบบล้างสต๊อก ส่วนเทศกาลเซลล์ประจำปีอื่นๆ เช่น Amazon Prime Day, Black Friday และ Cyber Monday ก็ถือเป็นวันสำคัญสำหรับนักช้อปเช่นเดียวกัน

ส่งของไปญี่ปุ่น

•       สินค้าที่ไม่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ ได้แก่ อาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ เช่น แฮม ไส้กรอก เนื้อแช่แข็ง ฯลฯ​ และอาหารที่มีส่วนผสมของไข่ไก่ ปลา ถั่วทุกประเภท ผักผลไม้สด ผักผลไม้แช่แข็ง ล้วนไม่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ผ่านเน็ตเวิร์คการขนส่งทางอากาศของ DHL Express

•       เมล็ดกาแฟสดสีเขียวและกาแฟที่ยังไม่ได้คั่ว ไม่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ ยกเว้นที่คั่วแล้วหรือที่แปรรูปแล้ว สามารถนำเข้าได้โดยผู้รับต้องมีใบอนุญาตนำเข้าอาหารหากจะนำไปจำหน่ายหรือเพื่อแจกจ่ายทั่วไปโดยที่ไม่ระบุจำนวน

•       ปืนของเล่นไม่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ ส่วนของเล่นสำหรับเด็กทารกหรือเด็กเล็กจะต้องผ่านการตรวจสอบด้านอาหาร ซึ่งมักจะทำให้การขนส่งล่าช้า 2-3 วัน

•       การนำเข้าแว่นตาหรือคอนแท็กเลนส์ หากเป็นการนำเข้าไปในญี่ปุ่นเพื่อใช้ส่วนตัว สามารถทำได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่ต้องไม่เกิน 1 ชิ้นสำหรับแว่นตา และจำนวนใช้งานไม่เกิน 2 เดือนสำหรับคอนแท็กเลนส์ ถ้าส่งไปญี่ปุ่นจำนวนมากกว่าที่กำหนด และผู้รับไม่สามารถเตรียมเอกสารทางการแพทย์ได้ ของทั้งหมดจะถูกตีกลับมาที่ผู้ส่งทันที

นอกจากนี้ การส่งของไปญี่ปุ่นยังมีรายละเอียดและกฎเกณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อไม่ให้การส่งของไปญี่ปุ่นของคุณสะดุดหรือคุณล่าช้า คลิกไปอ่าน 10 เรื่องต้องรู้ ก่อนส่งของไปญี่ปุ่น ได้ ที่นี่

ส่งของไปสิงคโปร์

•       สิงคโปร์ไม่อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแคนนาบินอยด์ (CBD), น้ำมัน CBD,​และน้ำมันกัญชง

•       สินค้าต้องห้ามนำเข้าสิงคโปร์ ได้แก่ บุหรี่ไฟฟ้า (รวมถึงชิ้นส่วนและเครื่องตกแต่ง) ยาสูบไร้ควัน/ ยานัตถุ์ (รวมถึงซิการ์ไร้ควันและบุหรี่ไร้ควัน) ยาสูบสำหรับเคี้ยว หมากฝรั่ง ประทัด สัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่จุดบุหรี่รูปปืนพกหรือปืนลูกโม่ เพชรดิบจากโคต ดู วัวร์​ เพชรดิบและนอแรด เครื่องรับ/ เครื่องส่งการสแกน และอุปกรณ์ป้องกันการดักฟัง

•       หนังสือ (ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า) นิตยสาร วารสาร วารสารทางวิชาการ​ จะต้องแจ้งชื่อหนังสือ และอาจมีการตรวจสอบโดย Infocomm Media Development Authority (IMDA) ซึ่งทำให้การขนส่งล่าช้ากว่าปกติ 1 วัน

•       ยา (ที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์) และเครื่องสำอาง ต้องได้รับอนุญาตจาก Health Science Authority (HSA) ผู้รับต้องมีใบรับรองผลิตภัณฑ์ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การส่งของล่าช้าเนื่องจากกระบวนการออกใบอนุญาต ในใบแจ้งหนี้จะต้องระบุชื่อยา ชื่อแบรนด์ เหตุผลที่นำเข้า ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ ปริมาณต่อขวด และน้ำหนักของแต่ละแคปซูล

•       ยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ผู้รับต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจาก HSA สำหรับการนำเข้าหมากฝรั่งสำหรับเคี้ยวเพื่อทันตกรรมหรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์ หากเป็นการใช้ส่วนบุคคลต้องมีใบสั่งแพทย์ ในใบแจ้งหนี้ต้องระบุชื่อยา ชื่อแบรนด์ ปริมาณต่อขวด น้ำหนักของแต่ละแคปซูล เหตุผลที่นำเข้า และส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ และต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติก่อน ซึ่งอาจทำให้การขนส่งล่าช้ากว่าปกติ 1-2 วัน

•       การนำเข้าปืนของเล่น/ ปืนพก/ ปืนลูกโม่ อยู่ภายใต้การดูแลของ State Police, Arms & Explosives Licensing Division ของที่ระบุในใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (HAWB) และใบแจ้งหนี้การค้าว่าเป็น ‘ปืนของเล่น’ จะต้องมีเอกสารจากผู้ผลิต เช่น ใบรับรองความปลอดภัยแนบมาด้วย เพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของเล่น ไม่ใช่แบบจำลองอาวุธปืนใดๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ชิปเมนต์นั้นล่าช้าและถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้

ของต้องห้ามส่งออกนอกประเทศไทย

นอกจากข้อกำหนดของประเทศปลายทางที่ผู้ส่งต้องตรวจสอบก่อนส่งของไปต่างประเทศแล้ว เราจะต้องทราบด้วยว่าของต้องห้าม (Prohibited Goods) ที่ไม่สามารถส่งออกไปนอกประเทศไทย และ DHL Express ไม่รับส่งออกนอกประเทศไทยผ่านเน็ตเวิร์คการขนส่งทางอากาศ มีอะไรบ้าง

•       สิ่งมีชีวิต (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ สัตว์ไร้กระดูกสันหลัง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์ปีก แมลง ตัวอ่อนและดักแด้ของสัตว์)

•       สัตว์ที่ถูกล่าหรือชิ้นส่วนสัตว์ ซากสัตว์ เช่น งาช้างและหูฉลาม หรือชิ้นส่วน เถ้าที่หลงเหลือของสัตว์ หรือสินค้าที่มีสัตว์เป็นส่วนประกอบและสินค้าที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของมนุษย์ หรือสินค้าที่ต้องห้ามจากการเคลื่อนไหวขององค์กร CITES สิ่งที่อยู่ในสนธิสัญญาและ/หรือกฎหมายท้องถิ่น

•       ศพ หรืออัฐิในทุกรูปแบบ

•       ทองแท่ง (หรือโลหะมีค่าต่างๆ)

•       เงินสด

•       แร่รัตนชาติ หรือชิ้นส่วนของแร่รัตนชาติ (เจียระไนหรือไม่เจียระไน/ ขัดเงาหรือไม่ขัดเงา)

•       อาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด ชิ้นส่วนระเบิด รวมถึงปืนอัดลม ปืนเลียนแบบและกระสุนเลียนแบบ

•       สิ่งของผิดกฎหมาย เช่น สินค้าปลอมแปลงและสารเสพติด

ของต้องกำกัด

ของต้องกำกัด (Restricted Goods) หมายถึง สินค้าที่สามารถส่งออกได้ แต่มีระเบียบการควบคุมชัดเจนต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณ มูลค่า การขออนุญาตส่งออกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ตัวอย่างสินค้าที่ต้องควบคุมในการส่งออกนอกประเทศไทย ได้แก่

•       หน้ากากอนามัย

•       โบราณวัตถุหรืองานศิลปะที่มีมูลค่าการขนส่งมากกว่า 500,000 ยูโร

•       กัญชาที่ใช้ในการรักษาทางการแพทย์ที่มีใบอนุญาตการครอบครองโดยสุจริตให้ทำการขนส่งได้ตามกฎหมาย ในรูปแบบเม็ดหรือของเหลว ซึ่งมูลค่าการขนส่งต่อครั้งต้องไม่เกิน 10,000 ยูโร

•       บุหรี่ ซิการ์ ยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีมูลค่าการขนส่งมากกว่า 500,000 ยูโร 

ที่จริงแล้วยังมีสินค้าที่ต้องควบคุมในการส่งออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกมากมาย แต่หากคุณมีผู้ช่วยมืออาชีพอย่าง DHL Express ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศมากกว่า 50 ปี และเชี่ยวชาญด้านพิธีการศุลกากร การส่งของไปต่างประเทศไม่ว่าที่ไหนๆ ก็เป็นเรื่องง่าย

โดยปกติ สำหรับการส่งของจากไทยไปฮ่องกง ญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์ การจัดส่งจะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น (ไม่รวมการเดินพิธีศุลกากร) ดังนั้น หากคุณเตรียมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินพิธีศุลกากรครบถ้วน มั่นใจได้ว่าการจัดส่งระหว่างประเทศจะรวดเร็วอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การนำของข้ามพรมแดนเข้าไปในต่างประเทศดำเนินการผ่านหน่วยงานศุลกากรของประเทศนั้นๆ และมีข้อกำหนดที่ผู้ให้บริการขนส่งทุกรายต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การส่งของไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะประเทศไหนในโลกเป็นไปอย่างราบรื่น ให้ DHL Express เป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่งของคุณ สอบถามและรับคำแนะนำในการจัดส่งเอกสารและพัสดุไปทั่วโลกผ่าน Live Chat หรือโทร 02-345-5000 สำหรับผู้ส่งออกประจำและมีบัญชีสมาชิกกับ DHL Express สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ดูแลคุณได้เลย!

เช็กราคาค่าส่งสินค้าก่อนส่งจริงง่ายๆด้วยตัวคุณเองได้ที่ MyDHL+

DHL Express  เป็นผู้นำด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ เราให้บริการขนส่งด่วนแบบ door-to-door สู่จุดหมายปลายทางกว่า 220 ประเทศทั่วโลก และมีทีมงานประจำอยู่ในทุกประเทศ พร้อมให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพ คุณจึงมั่นใจได้ว่าทุกชิปเมนต์จะถึงมือผู้รับปลายทางอย่างรวดเร็ว ราบรื่น และปลอดภัยแน่นอน