#คําแนะนําเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ

วิธีส่งเครื่องประดับจากไทยไปต่างประเทศ

8 นาทีอ่าน
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
วิธีส่งเครื่องประดับจากไทยไปต่างประเทศ

สถาบันอัญมณีและเครื่องประดับรายงานว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีส่วนสําคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2023 มีการส่งออกสูงถึง 6,643.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกเหล่านี้เติบโต 9.09% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นการส่งออกอันดับสามของประเทศไทย คิดเป็น 5.22% ของการส่งออกรวมของประเทศ ความต้องการเครื่องประดับชั้นดี รวมถึงหินสีต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างมากในตลาดต่างประเทศ 

การส่งออกเครื่องประดับของไทยมีเทรนด์ตลาดที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มอัญมณีขัดเงา เครื่องประดับทองคํา และเครื่องประดับเงินมีการส่งออกไปฮ่องกงเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม เครื่องประดับเงินมีการส่งออกไปยังอินเดียมากขึ้น ส่วนดีมานต์ด้านเครื่องประดับไทยในตลาดผู้บริโภคในเยอรมนีเปลี่ยนไป โดยเน้นไปที่เครื่องประดับแฟชั่น (costume jewellery หรือ fashion jewellery) มากขึ้น และการส่งออกเครื่องประดับทองคําไปยังตลาดสหราชอาณาจักร (UK) มีการเติบโต 22.67%

เครื่องประดับประเภทไฟน์จิวเวลรี่มีส่วนแบ่งสําคัญในภาคการส่งออกเครื่องประดับจากประเทศไทยไปต่างประเทศ ธุรกิจต่างๆ สามารถคว้าโอกาสทำเงินจากต้องการของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ นอกจากนี้ เครื่องประดับแฟชั่นยังได้รับการตอบรับที่ดีมากในตลาดโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสําหรับธุรกิจ เรามาทําความเข้าใจขั้นตอนในการส่งของไปต่างประเทศให้ราบรื่นก่อน

เครื่องประดับที่ส่งไปต่างประเทศกับ DHL ได้

คุณสามารถส่งออกเครื่องประดับที่หลากหลายต่างๆ จากประเทศไทยไปต่างประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เครื่องประดับทองคำขาว และเครื่องประดับแฟชั่น แต่ก็ควรใส่ใจกับข้อห้ามและข้อจํากัดของประเทศที่คุณจัดส่งไปด้วย ตัวอย่างเช่น อินเดียกําหนดให้เครื่องประดับที่นําเข้าทั้งหมดต้องทําเครื่องหมายรับรอง ซึ่งเป็นกระบวนการรับรองความบริสุทธิ์ของโลหะ อาจต้องใช้ใบรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าด้วย

สิ่งสําคัญคือต้องไม่ส่งสินค้าปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบไปต่างประเทศ เนื่องจากทั้งศุลกากรไทยและประเทศปลายทางยังคงรักษากฎระเบียบที่เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าสินค้าปลอมแปลงและสินค้าลอกเลียนแบบเข้าไปในประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาห้ามนําเข้าเครื่องประดับที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม การจัดส่งเหล่านี้เข้าประเทศทำให้เสียค่าปรับ อายัติ และยึดสินค้า การเฝ้าระวังสินค้าลอกเลียนแบบเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการคุ้มครองสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ความปลอดภัยของผู้บริโภค และการป้องกันกิจกรรมฉ้อโกง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและความไว้วางใจของผู้บริโภคในตลาด เป็นสิ่งสําคัญสําหรับผู้ส่งออกที่จะต้องรับรองความถูกต้องและปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมายและการเงินซึ่งอาจจะตามมา

อีกสิ่งที่ควรรู้คือ เครื่องประดับลอกเลียนแบบที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นแตกต่างจากเครื่องประดับสังเคราะห์

เครื่องประดับปลอมเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องหมายการค้าหรือดีไซน์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งแสดงถึงเจตนาหลอกลวงที่จะสื่อว่าสินค้าเป็นของแท้จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น การผลิตเครื่องประดับโดยใช้สไตล์ของแบรนด์หรูที่มีชื่อเสียง เช่น Louis Vuitton Chanel และอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในทางตรงกันข้าม เครื่องประดับสังเคราะห์ยอมรับธรรมชาติของมันอย่างเปิดเผย ไม่ได้กล่าวอ้างว่าเป็นของแท้ดั้งเดิมหรือเป็นของมีค่า แต่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเลียนแบบรูปลักษณ์ของเครื่องประดับระดับไฮเอนด์โดยไม่มีเจตนาหลอกลวง เช่น ทางเลือกเพชรอย่าง Cubic Zirconia (เพชร CZ) หรือเครื่องประดับคริสตัล การยอมรับและแสดงความจริงใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นอย่างไรเป็นสิ่งสําคัญในการค้าระหว่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและทำให้แบรนด์ของคุณมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นมากขึ้น 

หมายเหตุสําหรับลูกค้า DHL Express

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส (ประเทศไทย ) สามารถช่วยคุณจัดส่งสร้อยข้อมือ ต่างหู แหวน นาฬิกา และสร้อยคอที่ฝังอัญมณีต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับนั้น เช่น แหวนเพชร สร้อยทับทิม ต่างหูบลูแซฟไฟร์ สร้อยคอบุษราคัม หรือแหวนมรกต เป็นต้น ให้กับคนที่คุณรักหรือลูกค้าในต่างประเทศได้ แต่ไม่สามารถจัดส่งอัญมณีแบบไม่ขึ้นรูป (loose form) ในเครือข่ายการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของ DHL Express ได้

ส่วนเครื่องเงินหรือเครื่องประดับเงินที่มีชื่อเสียงอย่างมากในภาคเหนือของประเทศไทยเป็นสินค้ายอดนิยมที่ DHL Express ส่งไปต่างประเทศได้

อีกหนึ่งข้อสำคัญคือ ต้องระบุมูลค่าซื้อขายของสินค้านั้นๆ ให้ถูกต้องด้วย การประเมินมูลค่าสินค้าที่จัดส่งต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการพิธีทางศุลกากรแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการตรวจปล่อยสินค้าอีกด้วย

ภาษีนําเข้าและอากรในการส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศ

การเตรียมเครื่องประดับสำหรับการส่งออกไปต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มาเกี่ยวข้องเช่น ภาษีนําเข้าและอากรที่กําหนดโดยประเทศปลายทาง ตัวอย่างเช่น อินเดียเก็บภาษีนําเข้าทองคํา 15% ในขณะที่การส่งออกเครื่องประดับไปยังสหภาพยุโรป (EU) มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาตรฐาน 19% บวกอากร 2 ถึง 2.5% 

โดยทั่วไปอากรและภาษีจะคํานวณตาม รหัส Harmonised System (HS Code) ซึ่งจัดประเภทสินค้าสําหรับการค้าระหว่างประเทศและกําหนดอัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง รหัสนี้มีความสําคัญในการระบุอัตราภาษีและอากรที่เหมาะสมสําหรับการส่งเครื่องประดับของคุณ

ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ DHL Express เพื่อสอบถามเกี่ยวกับอัตราภาษีระหว่างประเทศและขอคําแนะนําเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการการส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศ

มูลค่าของชิปเมนต์ที่เป็นเครื่องประดับ

ในการจัดส่งเครื่องประดับจากประเทศไทยไปต่างประเทศ ต้องเข้าใจว่ามูลค่าของสิ่งของที่ส่งไปมีผลต่อกระบวนการจัดส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อจํากัดที่กําหนดโดยผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เนื่องจากสินค้าประเภทเครื่องประดับมีราคามักตกเป็นเป้าของการโจรกรรม ทั้งจากผู้ฉวยโอกาสและผู้ร้าย บริษัทโลจิสติกส์อย่าง DHL Express ได้กําหนดแนวทางที่ชัดเจนสําหรับลูกค้าบัญชีเพื่อปกป้องชิปเมนต์ที่มีมูลค่าสูงเหล่านี้

สําหรับธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) เราอนุญาตให้จัดส่งชิปเมนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 100,000 ยูโร ตัวเลขนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความต้องการสําหรับธุรกิจในการจัดส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง ในขณะที่จัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าดังกล่าว

ส่วนการจัดส่งแบบ Business-to-Consumer (B2C)  Consumer-to-Business (C2B) และ Consumer-to-Consumer (C2C) มูลค่าสูงสุดที่อนุญาตสําหรับการขนส่งระหว่างประเทศคือ 25,000 ยูโร 

อย่างไรก็ตาม หากผู้ส่งไปต่างประเทศไม่ได้มีบัญชีดีเอชแอล มูลค่าของชิปเมนต์สูงสุดทั้งหมดหรือรายบุคคลอยู่ที่ 10,000 ยูโร

การปฏิบัติตามข้อจํากัดด้านมูลค่าเหล่านี้เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการรับรองความปลอดภัยและความมั่นคงของการจัดส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านประกันภัยและมาตรการจัดการความเสี่ยงอีกด้วย การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ จะช่วยทำให้ธุรกิจได้รับประสบการณ์การขนส่งระหว่างประเทศที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งออกเครื่องประดับมูลค่าสูงไปต่างประเทศ

การระบุรายละเอียดสินค้า

เมื่อจัดส่งเครื่องประดับแฟชั่นไปต่างประเทศกับ DHL Express ผู้ส่งจะต้องระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง ครบถ้วนและชัดเจนใน commercial invoice เพื่อช่วยให้พิธีการทางศุลกากรราบรื่นและการประเมินภาษีและอากรเป็นไปได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างของประเภทสินค้าพร้อมคำอธิบายที่แนะนำ เพื่อความชัดเจนและเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น 

  • Silver fashion bracelets ระบุคำอธิบายให้ละเอียด เช่น "925 sterling silver chain bracelet" หรือ "silver cuff bracelet with engraved detail"
  • Gold fashion necklaces ระบุคำอธิบายให้ละเอียด เช่น "14k gold pendant necklace with ruby" หรือ "gold-plated beaded choker"
  • Diamond fashion rings ระบุคำอธิบายให้ละเอียด เช่น "gold ring with small pavé diamonds" หรือ "silver band with single princess-cut diamond"
  • Gemstone anklets ระบุคำอธิบายให้ละเอียด เช่น "adjustable silver anklet with turquoise beads" หรือ "gold anklet with small garnet charms"

ระบุรายการให้ชัดเจน โดยให้รายละเอียดวัสดุ ประเภท และคุณสมบัติเฉพาะ ตัวอย่างเช่น พูดว่า "adjustable stainless steel charm bracelet" แทนที่จะเป็น "bracelet" สั้นๆ แต่กว้างเกินไป อย่าลืมสำแดงมูลค่าจริงของสินค้าเสมอ เนื่องจากมีความสําคัญต่อการประเมินทางศุลกากรและภาษี

ใช้ภาษาที่ชัดเจนและไม่คลุมเครือในการให้รายละเอียดสินค้าของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการตีความผิด ยกตัวอย่าง "gold-plated copper necklace with synthetic ruby pendant" ให้คําอธิบายที่ละเอียดและชัดเจนมากกว่า "gold necklace with red stone"

หากต้องการคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเขียนรายละเอียดผลิตภัณฑ์ หรือมีข้อสงสัยอื่นๆ กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ DHL Express ที่หมายเลข 02-345-5000 ตลอด 24 ชั่วโมง ทีมงานของเราพร้อมมอบโซลูชันการขนส่งไปต่างประเทศที่ปลอดภัย รวดเร็ว และโปร่งใส เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเครื่องประดับแฟชั่นของคุณจะถึงมือลูกค้าในต่างประเทศในสภาพที่สมบูรณ์

การแพ็คเครื่องประดับส่งไปต่างประเทศ

การส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศจําเป็นต้องแพ็คอย่างพิถีพิถันเพื่อความสมบูรณ์และปลอดภัยของสิ่งของมีค่าภายใน แนะนําให้ใช้บรรจุภัณฑ์สองชั้นเสมอ 

กล่องด้านในควรพอดีกับเครื่องประดับของคุณ โดยเติมวัสดุ เช่น บับเบิ้ลแรปหรือวัสดุกันกระแทกชิ้นเล็กๆ เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวและลดแรงกดจากภายนอก ส่วนกล่องด้านนอก เช่น กล่องกระดาษลูกฟูกแข็ง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงเพิ่มเติมได้ และเราขอแนะนําให้ใช้หลีกเลี่ยงบรรจุภัณฑ์ที่ระบุแบรนด์สินค้า เพื่อลดความเสี่ยง และแนะนำให้ใช้วัสดุรัดหีบห่อที่สามารถบ่งชีร่องรอยการแกะหรืองัดแงะได้ (tamper evident) สิ่งสําคัญคือต้องแน่ใจว่ากล่องด้านในไม่เคลื่อนไปมาภายในกล่องด้านนอก เนื่องจากการเคลื่อนไหวอาจเป็นสัญญาณบอกว่ามีช่องว่างภายในกล่อง หรือเติมวัสดุกันกระแทกไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อที่จะเกิดความเสียหายต่อสิ่งของข้างใน

เครื่องประดับบางประเภทต้องเอาใจใส่มากเป็นพิเศษในการจัดส่งไปต่างประเทศ ลองดูเคล็ดลับต่อไปนี้ 

  • ต่างหู: ยึดเข้ากับแป้นต่างหูและห่อแยกกันเพื่อป้องกันการพันกันหรือรอยขีดข่วนก่อนบรรจุ
  • สร้อยข้อมือและสร้อยคอ: ห่อด้วยกระดาษทิชชู่นุ่มหรือบับเบิลแรปแล้วม้วนเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการหักงอ ยึดตัวล็อคเพื่อป้องกันการคลายตัว
  • แหวน: ใช้กล่องที่บรรจุผ้าฝ้ายขนาดเล็กหรือห่อด้วยแผ่นรองนุ่มๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เคลื่อนที่ไปมาระหว่างการขนส่ง คุณยังสามารถยึดไว้กับแป้นใส่แหวน และห่อด้วยวัสดุกันกระแทก
  • หินสี: หากจัดส่งหินสี ควรห่อแยกกันด้วยวัสดุกันกระแทกเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและแรงกระแทก หินสีแต่ละก้อนสามารถวางในซองบุนวมขนาดเล็กหรือช่องแยกต่างหากในกล่องเพื่อป้องกันไม่ให้เสียดสีกัน

แบรนด์เครื่องประดับจิวเวลรี่และผู้ขายมักใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าของตนเองสําหรับสินค้าแต่ละชิ้น เช่น กล่องหรือกระเป๋าขนาดเล็ก ซึ่งมักจะมีการห่อกันกระแทกเพิ่มเติมเพื่อกันกระแทกเป็นพิเศษ สําหรับบรรจุภัณฑ์ด้านนอก DHL Express ขอเสนอกล่องที่ทําจากกระดาษลูกฟูกที่แข็งแรงและหนา กล่องด้านนอกที่แข็งแรงจะทําหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน เพื่อให้มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์ของผู้ขายพร้อมกับเครื่องประดับด้านในจะได้รับการปกป้องจากแรงภายนอก

 

ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอที่มีรายละเอียดปราณีต ต่างหูขนาดใหญ่ที่มีชิ้นส่วนอัญมณีฝังตามเครื่องประดับ หรือนาฬิกาข้อมือที่ทนทาน คุณสามารถค้นหากล่อง DHL ที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณได้รับการปกป้องอย่างดีระหว่างการขนส่ง ดูคู่มือการบรรจุหีบห่อของเราเพื่ออ่านคำแนะนำเพิ่มเติมสําหรับการจัดส่งระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ในการส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศจะต้องติดฉลากการจัดส่ง หรือ waybill (ใบตราส่งสินค้า) บนพื้นผิวที่มองเห็นได้ของบรรจุภัณฑ์ ซึ่งคุณสามารถสร้างเอกสารเหล่านี้บน MyDHL+ ได้อย่างง่ายดาย การเพิ่มสติกเกอร์  'Fragile' ที่เป็นการบ่งชี้ว่าสิ่งของภายในกล่องมีความเปราะบาง ถือว่ามีประโยชน์ในการแจ้งให้ผู้ดูแลระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายพัสดุของคุณมากขึ้น  

โปรดทราบว่า waybill (ใบตราส่งสินค้า) เป็นเพียงหนึ่งในเอกสารการส่งออกไม่กี่ฉบับที่คุณจะต้องเตรียมสําหรับขั้นตอนด้านศุลกากรที่ราบรื่นและไม่ล่าช้า ซึ่งรวมถึงใบอนุญาตส่งออก ใบรับรองแหล่งกําเนิดสินค้า (ถ้าจําเป็น) ใบกํากับสินค้าศุลกากรและรายการบรรจุภัณฑ์

พาร์ทเนอร์ด้านการส่งออกที่เชื่อถือได้

การเลือกพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสําคัญในการส่งสิ่งของมีค่าไปต่างประเทศ เช่น ส่งเครื่องประดับจากประเทศไทยไปทั่วโลก ความซับซ้อนของการขนส่งระหว่างประเทศจำเป็นต้องใช้พาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองด้านระบบรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขนส่งสินค้าที่มีคุณค่าทั้งทางมูลค่าและจิตใจ

DHL Express พร้อมสนับสนุนความต้องการในการจัดส่งเครื่องประดับไปต่างประเทศ เชื่อมต่อประเทศไทยกับกว่า 220 ประเทศและเขตปกครองพิเศษทั่วโลก เรามีระบบติดตามสถานะที่เชื่อถือได้สําหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง มั่นใจได้ในความปลอดภัยในการส่งออก และอุ่นใจกับกระบวนการจัดส่งด่วนระหว่างประเทศที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เป้าหมายสำคัญของเราคือการส่งเครื่องประดับของคุณไปต่างประเทศอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ลดความเสี่ยงและเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดของคุณกับบริการจากเรา DHL Express จะทำให้คุณรู้สึกวางใจได้ว่าสินค้าอันมีค่าของคุณอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน