#คําแนะนําด้านโลจิสติกส์

การปรับตัวให้เข้ากับความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ: กลยุทธ์สําหรับธุรกิจในประเทศไทย

4 นาทีอ่าน
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
การปรับตัวให้เข้ากับความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ: กลยุทธ์สําหรับธุรกิจในประเทศไทย

เมื่อทั่วโลกมุ่งเน้นไปในเรื่องความยั่งยืน ธุรกิจในประเทศไทยจึงต้องตระหนักถึงความสําคัญที่เพิ่มขึ้นของใช้ประโยชน์จากแนวโน้มความยั่งยืนในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ  อย่างไรก็ตาม การนําแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้นั้น ธุรกิจต่างๆ สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายในขณะที่ต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านกฎระเบียบและความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย สิ่งเหล่านี้เน้นย้ำถึงความจําเป็นในการใช้กลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่ยั่งยืน

ทําความเข้าใจถึงความสําคัญของความยั่งยืนในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ

แนวทางปฏิบัติด้านลอจิสติกส์แบบดั้งเดิมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งมีส่วนทําให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบด้านลบอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อม การนําแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ ธุรกิจจะได้รับผลประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการสร้างขยะ และเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์ในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับภาคส่วนที่ดูแลกฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ในประเทศไทยก็กําลังหันมาให้ความสําคัญกับความยั่งยืน โดยรัฐบาลกําหนดเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมีกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การริเริ่มนโยบาย Bio-Circular-Green นอกจากนี้ ความต้องการของผู้บริโภคในสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้บริโภคชาวไทยแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อทางเลือกที่ยั่งยืน ตามรายงานของธนาคารกสิกรไทย ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดกลยุทธ์โลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซให้สอดคล้องกับหลักการด้านความยั่งยืน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกําหนดด้านกฎระเบียบ ตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค และนําไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

1. การนําโซลูชันบรรจุภัณฑ์สีเขียวไปใช้

ขยะบรรจุภัณฑ์เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สําคัญในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ เพราะมันมักจะลงเอยอยู่บนกองขยะ และสร้างมลพิษให้ทั้งดิน น้ำและอากาศ โชคดีที่มีการนําโซลูชันบรรจุภัณฑ์สีเขียวหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปใช้ในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซมากขึ้น ทั้งวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและทางเลือกต่างๆ ให้เลือกมากมาย 

ตัวเลือกเหล่านี้รวมถึงบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล วัสดุที่ย่อยสลายได้ บรรจุภัณฑ์ประเภทลูกฟูก บรรจุภัณฑ์เซลลูโลส บรรจุภัณฑ์จากแป้งข้าวโพด ห่อบับเบิ้ลกระดาษ เทปกระดาษและชิปโฟมที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

การนำบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเหล่านี้มาใช้กับการดําเนินงาน ธุรกิจสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมาก

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การใช้วัตถุดิบหรือวัสดุรีไซเคิล 100% ลดกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์อย่างจริงจัง

แนวทางปฏิบัติเหล่านี้ช่วยยืดวงจรการใช้งานของวัสดุบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนทําให้เกิดแนวทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสําหรับบรรจุภัณฑ์อีคอมเมิร์ซ

2. เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งไมล์สุดท้ายเพื่อความยั่งยืน

การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งไมล์สุดท้ายเพื่อความยั่งยืนเป็นจุดสนใจหลักสําหรับธุรกิจที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแนวโน้มในการขนส่งไมล์สุดท้ายเริ่มเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม การขนส่งไมล์สุดท้ายก่อให้เกิดความท้าทายในแง่ของการปล่อยมลพิษและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะแบบดั้งเดิมที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและการปล่อยคาร์บอน

เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น DHL Express มุ่งมั่นที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ในการทําเช่นนั้น เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 60% ของยานพาหนะขนส่งระยะสุดท้าย (last mile) ของเราทั้งหมด และเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนเข้ามาให้ได้มากกว่า 30% ภายในปี 2030 นอกจากนี้เรายังได้บุกเบิกความพยายามในการบินด้วยการสั่งซื้อเครื่องบิน Alice eCargo เครื่องบินไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 12 ลํา ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญในอุตสาหกรรม 

 นอกจากนี้ DHL Express ยังส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล ช่วยให้เครื่องบินพาณิชย์สามารถลดการปล่อยมลพิษได้ 

นอกจากนี้ ยังมีแนวปฏิบัติและนวัตกรรมอื่นๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า บริการจัดส่งด้วยจักรยาน และการจัดส่งแบบคราวด์ชิปมาใช้ ตัวอย่างเช่น เรากําลังเปลี่ยนบริการขนส่งไมล์สุดท้ายเป็นการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และในเยอรมนี จักรยาน 28,500 คันถูกใช้สําหรับการขนส่งไมล์สุดท้าย เพื่อให้ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ความคิดริเริ่มที่ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืนเหล่านี้นำเข้ามาใช้ในการขนส่งไมล์สุดท้าย เพื่อทำให้โลจิสติกส์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ ก็สามารถใช้กลยุทธ์ที่คล้ายกัน เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ปรับปรุงประสิทธิภาพและนําไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

3. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

เทคโนโลยีมีบทบาทสําคัญในการติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) การติดตามแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูล และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางขนส่งของเรา ใช้อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะเพื่อคํานวณเส้นทางการขนส่งตามสภาพถนนจริง การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของผู้ขับขี่ ซึ่งจะช่วยยกระดับแนวทางปฏิบัติด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนของเราในท้ายที่สุด

4. ความร่วมมือและพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน

ความร่วมมือกันมีบทบาทสําคัญในการบรรลุโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนในอีคอมเมิร์ซ ด้วยการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และชุมชนท้องถิ่น ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างเช่น ผู้ส่งออกสิ่งทอที่สนใจส่งเสริมความยั่งยืนก็สามารถทํางานร่วมกันเพื่อปรับปรุงความยั่งยืนในการดําเนินงานของตนได้ 

กลยุทธ์หนึ่งที่มีประสิทธิภาพคือการสร้างความร่วมมือกับ third-party logisitcs (3PL) fulfillment center ที่มีประวัติที่พิสูจน์แล้วในการนําแนวทางปฏิบัติด้านโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปใช้ เช่น DHL Express ผู้ให้บริการ 3PL เหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการกระบวนการต่างๆ เช่น การจัดซื้อ การจัดการคลังสินค้า การขนส่ง การกระจายสินค้า และการให้บริการศุลกากร 

เราไม่เพียงแต่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุม แต่ยังใช้กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ด้วยการจัดการอาคารและเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการใช้มาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม DHL Express ประสบความสําเร็จในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ด้วยการเอาท์ซอร์สให้กับผู้ให้บริการ 3PL ดังกล่าว ธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนโดยรวมของโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ

สร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและขยายธุรกิจของคุณด้วย DHL Express

ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ มุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนในด้านโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ การเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้ เช่น DHL Express เพื่อจัดส่งผลิตภัณฑ์ของตนไปต่างประเทศสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดและโซลูชันการจัดส่งธุรกิจสามารถลดการปล่อยมลพิษตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ด้านโลจิสติกส์

นอกจากนี้ DHL Express ยังนําเสนอบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อเลือกใช้ DHL Express ธุรกิจต่างๆ จึงมั่นใจว่าจะสามารถปรับการดําเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและนําไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้

เปิดรับความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นในโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ ด้วยการเปิดบัญชีธุรกิจ DHL Express วันนี้