การนำเข้าสินค้าสู่เข้าประเทศไทยจากตลาดสำคัญอย่างจีน ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้แก่ธุรกิจไทย พร้อมตอบสนองความต้องการด้านการบริโภคสินค้าต่างประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง คู่มือนี้สรุปภาพรวมของโอกาสทางธุรกิจด้านสินค้านำเข้าสู่ประเทศไทย และขั้นตอนสำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้เพื่อประสบความสำเร็จในตลาดนำเข้า ทั้งด้านใบอนุญาตนำเข้า ภาษีนำเข้า และการเลือกใช้บริการขนส่งระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ
การนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการแพทย์
ประเทศไทยมีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2023 มูลค่าการส่งออกเครื่องมือแพทย์จากสหรัฐอเมริกามายังไทยมีมากกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่มีความทนทานและเทคโนโลยีขั้นสูงในด้านความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง ศัลยกรรมกระดูก และวิทยาศาสตร์การกีฬา
ข้อตกลง Trade and Investment Framework Agreement (TIFA) ระหว่างสหรัฐฯ และประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ทั้งยังช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงโอกาสทางการค้าได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ประกอบการไทย การขอใบอนุญาตนำเข้า และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของภาษีนำเข้าสินค้าในประเทศไทย เป็นขั้นตอนสำคัญลำดับแรกในการนำเข้าสินค้าจากอเมริกาให้ประสบความสำเร็จ
การนำเข้าสินค้าจากยุโรป แหล่งรวมสินค้าพรีเมียมคุณภาพสูง
ภูมิภาคยุโรปถือเป็นแหล่งผลิตสำคัญของสินค้าระดับพรีเมียมมาโดยตลอด จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในการนำเข้าสินค้าจากยุโรป เช่น เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง เครื่องมือแพทย์ขั้นสูง และชิ้นส่วนยานยนต์เฉพาะทางที่ผ่านมาตรฐานเข้มงวดของยุโรป สินค้าเหล่านี้มีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ตลาดสินค้าหรู รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
ในปี 2025 ประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) แม้ข้อตกลงนี้ยังจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 2026 แต่เมื่อถึงเวลานั้นจะช่วยลดอัตราภาษีนำเข้าในประเทศไทย พร้อมอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการศุลกากร และเพิ่มการไหลเวียนของการค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ธุรกิจไทยจำเป็นต้องทำความเข้าใจข้อกำหนดของภาษีนำเข้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และจัดเตรียมใบอนุญาตการนำเข้าให้ถูกต้อง โดยเฉพาะสินค้าที่มีความอ่อนไหว เช่น อาหารหรือเครื่องสำอาง
การนำเข้าสินค้าจากตะวันออกกลาง โอกาสใหม่ในตลาดหลากหลายสินค้า
ภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นศูนย์กลางการส่งออกของสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงและสินค้าหรู ซึ่งในปัจจุบัน ธุรกิจไทยมีโอกาสนำเข้าสินค้าจากตะวันออกกลางประเภทต่าง ๆ เช่น เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ อุปกรณ์สื่อสาร ตู้เย็น และชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ ภูมิภาคนี้ยังเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าหรู เช่น เพชร พลอย และเครื่องประดับ ซึ่งสามารถสนับสนุนตลาดค้าปลีกระดับไฮเอนด์และธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยได้
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศในตะวันออกกลางกับประเทศไทย แต่ธุรกิจไทยยังสามารถเข้าถึงตลาดนี้ได้ โดยการขอใบอนุญาตนำเข้าที่ถูกต้องและเลือกใช้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ด้านศุลกากร การใช้บริการจัดส่งพัสดุต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยลดความล่าช้า และช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดของภาษีนำเข้าของไทยได้อย่างถูกต้อง
การนำเข้าสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น และประเทศในเอเชียแปซิฟิก แหล่งพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและนวัตกรรม
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนกลาง และส่วนประกอบเทคโนโลยีขั้นสูง ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2025 ประเทศไทยมีการนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 40.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย สินค้านำเข้าหลักได้แก่ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติก และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตในประเทศ
ข้อตกลงการค้าเสรีในภูมิภาค เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) และ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) มีส่วนช่วยลดหรือได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรในประเทศไทยของสินค้านำเข้าหลายประเภท อีกทั้งข้อตกลงเหล่านี้ยังช่วยปรับกระบวนการศุลกากรให้รวดเร็วขึ้น ลดต้นทุนด้านการจัดหาและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีความได้เปรียบในตลาดโลก และสามารถนำสินค้าเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
รายละเอียดสำคัญสำหรับการนำเข้าสินค้าเข้าประเทศไทย
การนำเข้าสินค้าเข้าประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบหลายประการ อีกทั้งอัตราภาษีนำเข้ายังมีความแตกต่างกันในแต่ละประเภทสินค้า โดยสินค้าบางประเภทได้รับการยกเว้นหรือเสียภาษีในอัตราต่ำ ขณะที่บางประเภท เช่น รถยนต์ สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์เกษตรบางชนิด อาจมีอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 80% นอกจากนี้ สินค้าทุกประเภทที่นำเข้าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีในประเทศไทย และความรับผิดชอบในการชำระภาษีศุลกากร เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
สินค้าบางประเภท เช่น อาหาร เครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง และเครื่องจักรบางชนิด ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้การนำเข้าสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดของภาษีศุลกากรในประเทศไทย เช่น ผู้นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และอาหารบางชนิด และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ต้องมี License per Invoice (LPI) หรือใบรับแจ้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพด้วย เป็นต้น
อีกทั้งธุรกิจควรจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามรายการตรวจสอบการจัดส่ง (Shipping Documents Checklist) เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าและค่าปรับจากเอกสารไม่ครบถ้วน ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของการถูกระงับสินค้าในขั้นตอนศุลกากร
ข้อได้เปรียบของ DHL Express พันธมิตรด้านการนำเข้าที่คุณไว้วางใจ
การดำเนินการนำเข้าและส่งออกสินค้าในประเทศไทย ต้องอาศัยมากกว่าการเข้าใจกฎระเบียบทางศุลกากร การเลือกพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมจะช่วยลดความซับซ้อน ประหยัดต้นทุน และช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างมั่นใจ DHL Express ให้บริการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและนำส่งสู่ผู้รับในประเทศไทย ด้วยเครือข่ายการบินระหว่างประเทศเชื่อมโยงระหว่างอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก ช่วยให้การนำเข้าสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลางหรือจากประเทศในเอเชียสู่ประเทศไทยทำได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้
ด้วยบริการจัดส่งพัสดุแบบติดตามได้ของ DHL และระบบขนส่งแบบ Door-to-Door ธุรกิจจึงไว้วางใจได้ เพราะจะทำให้การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศสู่ไทยติดตามได้แบบเรียลไทม์ พร้อมดูแลกระบวนการศุลกากรอย่างครบถ้วน และรับประกันการจัดส่งสินค้าตรงตามเวลา นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนระบบการผลิตแบบ Just-in-Time ทำให้ลดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า และช่วยให้สามารถมองเห็นข้อมูลในห่วงโซ่อุปทานอย่างชัดเจน
ไม่ว่าคุณจะต้องการนำเข้าสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางหรือเอเชียแปซิฟิก DHL พร้อมเป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่คุณไว้วางใจได้ เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้าของคุณวันนี้ ด้วยเครื่องมือคำนวณค่าขนส่งออนไลน์ เพื่อประเมินต้นทุนการนำเข้าและส่งออกกับ DHL Express อย่างง่ายและแม่นยำ